ตอนพิเศษ : The Love Mission Devil Boy
คุณรัฐภูมิ เอกสารทั้งหมดดิฉันเอาไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานให้แล้วนะคะ
เสียงสุภาพสตรีสาวสวยในชุดยูนิฟอร์มของบริษัทเอกชนที่ทำเกี่ยวกับเครื่องประดับส่งออกเอ่ยบอกชายหนุ่มหน้าหวานวัยยี่สิบห้าปีที่สวมใส่สูทสีดำเนคไทสีแดงกำลังก้าวเท้าขึ้นรถยนต์ส่วนตัว
ขอบคุณครับ ไว้ผมจะกลับมาทำ ฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่า ผมขอตัวกลับก่อน พอดีติดธุระสำคัญ
เขาเอ่ยบอกสุภาพสตรีที่มีตำแหน่งต่ำกว่าแล้วยิ้มหวานอย่างอ่อนโยน จนเธอแทบลงไปละลายที่พื้น รถโตโยต้าวีออสสีดำแล่นออกไปจากบริษัท พนักงานสาวอีกสองถึงสามคนก็วิ่งเข้ามาสมทบพนักงานสาวคนแรก
ว้าย คุณรัฐภูมินี่น่ารักจังเลยนะ
ใช่ๆ วางตัวดูดี สมกับเป็นลูกชายของผู้จัดการบริษัท
พวกเธอจับกลุ่มกรี๊ดกร๊าดอยู่หน้าบริษัท แบงค์มองดูจากกระจกข้างรถพลางอมยิ้มอย่างอดไม่ได้ พวกผู้หญิงนี่จริงๆเลย ไม่ว่าเขาจะไปไหนมาไหน ก็มักจะมีหญิงสาวตามตอแยทุกครั้ง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดสนใจใครนอกจาก ผู้หญิงที่เขารักเพียงคนเดียว
แป้ง
แบงค์เอ่ยเรียกหญิงสาวที่กำลังรดน้ำดอกไม้อยู่บริเวณหน้าคลินิกสัตวแพทย์ อาคารไม้ทาสีฟ้าอ่อน ปลูกดอกไม้รายล้อมรอบ จนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือสถานที่รักษาและดูแลสัตว์ ผู้ถูกเรียกหันมามองชายหนุ่มที่ยืนพิงรถอย่างอารมณ์ดีก่อนเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
แบงค์มาได้อย่างไร วันนี้ไม่มีงานเหรอ
มี แต่จำเป็นต้องมารับเธอ ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้พวกเรามีนัดมิทติ้งกันนะ
เขาเอ่ยทวนความจำหญิงสาวก่อนเข้ามาโอบกอดเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน
แล้วแบงค์ก็มาเพราะคิดถึงแป้งด้วย ช่วงนี้ทำงานหนักจนไม่ค่อยได้เจอกันเลย กลัวแป้งจะลืมแบงค์เสียก่อน
แหม...แบงค์ก็...
อะแฮ่ม!!! ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ แต่กรุณาอย่ามาทำอะไรประเจิดประเจ้อหน้าร้านฉัน
เสียงชายหนุ่มอีกคนเอ่ยแซวจากด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มหญิงสาวต้องหันไปมอง สัตวแพทย์หนุ่มที่ยืนกอดอกส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง
แหม...วางมาดเหลือเกินนะคุณหมอสัตว์
แบงค์เอ่ยแซวเต้ เพื่อนสนิทที่เรียนจบมาก็เปิดคลินิกรักษาสัตว์ตามความตั้งใจที่คาดหวังเอาไว้ตั้งแต่ชั้นมัธยม
นายเองก็ใช่ย่อย น่าอิจฉาจะตาย แม่เป็นผู้จัดการบริษัทเครื่องประดับส่งออก พอลูกชายเรียนจบก็เลยได้รับตำแหน่งรองผู้จัดการง่ายๆ รีบๆทำงานรีบๆรวยแล้วอย่าลืมเลี้ยงเพื่อนด้วยล่ะ
เต้แซวแล้วหัวเราะพลางกอดไหล่แบงค์ แป้งมองดูชายหนุ่มสองคนพลางอดยิ้มไม่ได้ ตอนแรกแบงค์ก็ชวนไปทำงานที่บริษัทแม่ของเขา แต่เธอไม่อยากใช้เส้นสายเลยปฏิเสธไป ตอนนี้จึงได้ทำงานเป็นผู้ช่วยเต้อยู่คลินิกรักษาสัตว์แห่งนี้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองชอบงานด้านไหนกันแน่ อีกอย่างทำงานกับเพื่อนก็สบายดีแล้วยังได้อยู่กับสัตว์ที่ตัวเองชอบด้วยทั้งหมาและแมว พี่ฝุ่นก็ได้โอกาสเอาเมลอนมาฝากตากแอร์ =_=
ว่าแต่งานเริ่มกี่โมง
แป้งถามแบงค์ที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเต้ด้วยควมคิดถึง =_=
อีกครึ่งชั่วโมง ไปกันเลยเถอะ เดี๋ยวสายแนทกับโจ้จะบ่นอีก
แบงค์บอกพลางผละออกจากเต้ แป้งจึงได้วิ่งไปเก็บฝักบัวรดน้ำไว้บริเวณหลังร้าน เช่นเดียวกับเต้ที่เข้าไปเคลียร์ทุกอย่างในร้านแล้วเดินออกมาพร้อมที่จะไป
เดี๋ยวไปรถแบงค์ละกัน จะได้ประหยัดน้ำมัน
แป้งกับเต้ยิ้มส่งให้ชายหนุ่มหน้าหวาน เฮ้อ...ไม่ได้เจอยัยแนทกับตาโจ้มาตั้งครึ่งปี ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ แป้งครุ่นคิดแล้วยิ้มให้กับตัวเอง
..
ร้านหมูกระทะ กินสะท้านปานจรวด ต้องมารองรับความบ้าของนิยายเรื่องนี้อีกครั้ง แป้ง แบงค์ และ เต้ เดินเข้าไปหาชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังจ้วงหมูจากเตาเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
กินไม่รอเลยนะยะ
แป้งเอ่ยบอกเพื่อนรักสองคน แนทหันมามองแล้วกรี๊ดกร๊าดด้วยความดีใจ
ว้าย...ยัยแป้ง ไม่ได้เจอกันตั้งนานดูดีขึ้นนะยะ อุ้ยว้าย แบงค์กับเต้เท่ห์มากเลย
แนทพูดพลางดีดแป้งออกจากลิสต์การชม พลางตรงเข้าไปกอดชายหนุ่มสองคนที่ทำหน้าแหยๆ เพราะโจ้เขม่นใส่ราวกับพร้อมโจมตีทุกเมื่อ
แหม...คนหนึ่งทำงานเป็นนักธุรกิจ คนหนึ่งทำงานเป็นสัตวแพทย์ ก็ต้องดูดีดูเฟิร์มเป็นธรรมดา แล้วพวกแกล่ะทำงานอะไรกัน
แป้งถามแนทกับโจ้อย่างสงสัย พวกมันไม่ตอบในทันใดแต่โชว์กล้องถ่ายรูปที่คล้องคอให้ดู
ทำงานอิสระน่ะ เป็นช่างภาพนิตยสารท่องเที่ยว ว่าแต่แกเถอะยัยแป้ง ไม่เห็นทำงานอะไรเป็นกิจลักษณะ ยังพึ่งใบบุญเต้อยู่หรือเปล่า
แนทถามพลางหัวเราะ แป้งขมวดคิ้วเล็กน้อย ให้ตายสิ...แค่ทำงานกับเพื่อนแค่เนี้ย ต้องใช้คำว่า พึ่งใบบุญเชียวเหรอยะ
ก็ฉันยังไม่อยากทำอะไรสักอย่าง จะไปทำงานบริษัทก็คงไม่ไหว ไม่ชอบให้ใครมากดขี่
ก็ชวนแป้งมาทำงานบริษัทแบงค์ แล้วดันไม่ยอมมาเอง หรือคิดว่าแบงค์จะกดขี่แป้งล่ะ
แบงค์ทำหน้ามุ่ยราวกับผู้หญิงจนทุกคนหัวเราะ
ไม่ได้บอกว่าแบงค์กดขี่ แต่ฉันไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเป็นเด็กเส้น
จ้าๆ...แป้งไม่ต้องทำอะไรหรอก รอเป็นแม่บ้านให้แบงค์ดีกว่า
แบงค์พูดพลางส่งยิ้มหานให้แฟนสาวของตัวเอง แนท โจ้ และเต้ ทำหน้าตาผะอืดผะอมแต่ก็ต้องฝืนทนอย่างจำใจเพราะเสียดายอาหารที่กำลังกิน =w=
เออใช่!!!พูดถึงเรื่องแม่บ้านแล้วคิดขึ้นได้เลย....พี่ฝุ่นจะแต่งงานเดือนหน้านะ อย่าลืมมากันล่ะ
แป้งพูดพลางตบโต๊ะ ทุกคนหันมามองเธออย่างตกใจแล้วพูดพร้อมกัน
หา!!! พี่ฝุ่นจะแต่งงานแล้วเหรอ
ใช่...ฉันเองก็ตกใจเหมือนกัน เห็นบ่นว่ากลัวแก่ก่อนแต่ง
แป้งเอ่ยบอกพลางใช้ตะเกียบคีบกุ้งจากเตาเข้าปาก
แต่งกับใคร
เต้ถามด้วยความสงสัย แป้งจึงส่งยิ้มแล้วเอ่ยตอบไป
จะมีใครอีกล่ะ...นอกจาก...
..
ข้าวเจ้าดีใจด้วยนะ
แบงค์เอ่ยบอกชายหนุ่มที่กำลังถูกจับใส่เสื้อสูทสีขาวอยู่ในห้องแต่งตัว เขาหันมามองแบงค์พลางหัวเราะเบาๆ
ดีใจอะไรเล่า เสียใจล่ะไม่ว่า นี่มันวันสุดท้ายของชีวิตโสดฉันนะเฟ้ย
เขาเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี แต่คำพูดนั้นก็ทำเอาแบงค์ โจ้ และ เต้หัวเราะร่วน แบงค์ถอนหายใจเบาๆพลางมองดูผู้ชายที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าบ่าวในไม่อีกกี่นาทีข้างหน้าด้วยความอิจฉาเล็กน้อย ข้าวเจ้าอายุมากกว่าพวกเขาถึงสามปี แต่ก็ดูดีมีภูมิฐานเพราะฐานะทางบ้านค่อนข้างร่ำรวย พ่อแม่ทำงานเป็นเจ้าของภัตตาคารหลายสาขา แถมยังได้แต่งงานแล้ว โชคดีจริงๆ ไม่รู้ว่าใครจะคิดกับชีวิตแต่งงานในวัยหนุ่มอย่างไร อาจจะมองว่าเป็นการปิดกั้นตัวเองไม่ให้พบกับคนที่ใช่ แต่เขากลับคิดว่าข้าวเจ้าทำถูกแล้ว การที่เรารักใครมากๆสักคนไม่จำเป็นต้องรอเวลา ขอแค่ความมั่นใจ เชื่อใจเท่านั้น
พี่ข้าวเจ้าหล่อจังวันนี้
เต้เอ่ยขณะช่วยจัดสูทให้ ข้าวเจ้าทำหน้าเบ้ทันที
เฮ้ย...บอกว่าอย่าเรียกพี่ มันดูแก่พิกล
ข้าวเจ้าโวยวายทำให้ทุกคนหัวเราะอีกครั้ง ถัดออกไปจากห้องแต่งตัวก็เป็นห้องแต่งตัวเล็กๆอีกห้อง แป้ง กับ แนท กำลังมองดูพี่ฝุ่นในชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่อง เธอถูกจับปัดแก้มทาปากโดยช่างแต่งหน้าฝีมือดี
อิจฉาพี่ฝุ่นชะมัด ได้แต่งงานในโบสถ์ด้วย
แนทเอ่ยบอกแล้ววี๊ดว้าย แป้งหันมามองเพื่อนสาวพลางช่วยคุมสติ
ก็ข้าวเจ้านับถือคริสต์ก็เลยได้แต่งงานในโบสถ์
แนททำหน้ามุ่ยทันที แหม...เปลี่ยนแฟนตอนนี้ทันมั้ยนะ =_=
ยัยแป้งแกก็รีบแต่งงานสักทีนะ เดี๋ยวแบงค์ก็โดนแย่งไปหรอก ได้ข่าวว่าพนักงานสาวๆติดตรึม
พี่ฝุ่นเอ่ยบอก แป้งยิ้มแห้งๆโดยไม่ได้ตอบอะไรไป ก็มันไม่มาขอสักทีจะให้ทำอย่างไร TT^TT ก็อกๆๆ...เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเพื่อนสาวของพี่ฝุ่นที่โผล่เข้ามา
ได้เวลาเข้าพิธีแล้วจ้า
กรี๊ดดดดด!!!
พี่ฝุ่นวี๊ดว้ายสติแตกพลางกรี๊ดกร๊าดอยู่ในห้องแต่งตัว แป้งกับแนทเหวอไปเล็กน้อย เฮ้อ...นี่นะเหรออาการของคนที่จะได้แต่งงาน นี่แกดีใจหรือเสียใจฟะ =_= พรมสีแดงถูกปูลาดยาวตั้งแต่หน้าประตูถึงแท่นพิธี ข้าวเจ้ายืนรอเจ้าสาวของตนในชุดสูทสีขาวสะอาดสะอ้าน ในขณะที่พี่ฝุ่นในชุดเจ้าสาวก็ค่อยๆเดินเข้ามาช้าๆ คนในงานหันมามองพลางชื่นชมกับความสวย แป้งนั่งอยู่บริเวณเก้าอี้ตัวยาวพลางมองดูบรรยากาศในพิธีด้วยความตื่นเต้น แต่พี่ฝุ่นคงตื่นเต้นยิ่งกว่า แบงค์เองก็นั่งอยู่ข้างๆโดยกุมมือแป้งเอาไว้ บาทหลวงหนุ่มเอ่ยคำกล่าวต่างๆนาๆยืดยาวจนกระทั่งมาถึงช่วงสำคัญ
คุณปลายตะวัน พัฒนากรณ์ คุณจะรับ คุณภัทรวดี วิริยวงศ์ เป็นภรรยาและจะดูแลเธอไม่ว่ายามทุกข์ยามสุขหรือไม่
รับครับ
ข้าวเจ้าเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
คุณภัทรวดี วิริยวงศ์ คุณจะรับ คุณปลายตะวัน พัฒนากรณ์ เป็นสามีและจะดูแลเขาไม่ว่ายามทุกข์ยามสุขหรือไม่
รับค่ะ...
น้ำใสๆไหลคลอนัยน์ตาพี่ฝุ่น ข้าวเจ้ายิ้มแล้วใช้มือปาดน้ำตานั้นก่อนจุมพิตเธออย่างอ่อนโยน แป้งมองพี่สาวของเธออย่างแปลกใจ ความปลาบปลื้มตื้นตันมีมากมายขนาดทำให้พี่สาวของเธอเสียน้ำตาเลยเหรอ
แป้ง
แบงค์เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หญิงสาวหันไปมองดูเขาที่เอียงหน้าเข้ามาใกล้
อะไรเหรอ
อยากแต่งบ้างมั้ย
เขาถามพลางทำสีหน้ากวนอารมณ์
ไม่อยากมั้ง....แหม...ถามมาได้
ไม่อยากก็ดี เพราะแบงค์ยังไม่คิดแต่งงานกับแป้งหรอก
เอ๊ะ...ว่าอย่างไรนะ
เธอทำสีหน้าฉงนแล้วมองเขาอย่างแปลกใจ
แบงค์ยังไม่คิดแต่งงานกับแป้งหรอก ถ้า...ยังไม่ได้หมั้น
เขาพูดพลางหยิบแหวนเงินฝังเพชรออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทสวมใส่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
แบงค์จองแป้งเอาไว้ แล้วไม่นานหลังจากนี้จะมาสู่ขออย่างเป็นทางการ
เขาพูดพลางโอบกอดหญิงสาวที่รักเอาไว้ น้ำตาของเธอไหลพรากอาบแก้ม น้ำตาแห่งความปลื้มปิติที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกของหัวใจ และเธอก็เข้าใจถึงความรู้สึกของพี่ฝุ่นแล้ว
สิ่งที่จับจองเป็นเจ้าของของกันและกันไม่ใช่แหวนหรือสิ่งของ แต่เป็นความรู้สึกที่มอบให้กันต่างหาก นั่นล่ะ คือสิ่งที่จะพันธนาการหัวใจไว้ให้อยู่กับคนๆนั้นตลอดไป...