ภาษาญี่ปุ่นมักเขียนโดยใช้ตัวคันจิ ( ตัวอักษรจีน ) ตัวฮิรางานะ ( พยางค์แทนเสียง มักใช้กับคำที่เป็นภาษาญี่ปุ่นแท้ๆ) และ คาตากานะ ( พยางค์แทนคำต่างประเทศ ) ส่วนตัวอักษรโรมันจิ ( คำภาษาอังกฤษที่ใช้อ่านภาษาญี่ปุ่น เช่น ひらがな อ่านว่า Hiragana )
ฮิรางานะ ฮิรางานะเป็นพยางค์แทนเสียงต่างๆในภาษาญี่ปุ่น ทำให้ออกเสียงได้อย่างถูกต้อง
ที่มาของฮิรางานะฮิรางานะพัฒนามาจากอักษรจีน เริ่มแรกเรียก โอนนาเดะ หรือ มือของผู้หญิง เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่มักเขียนกัน ในขณะที่ผู้ชายจะเขียนโดยใช้ตัวอักษรคันจิและตัวอักษรคาตากานะ หลังจากนั้นในปีพ.ศ.1500 ฮิรางานะจึงใช้กันแพร่หลาย
ความหมายของฮิรางานะคำว่า ฮิรางานะ หมายถึง อักษรพยางค์สามัญ รูปแบบแรกๆของฮิรางานะ มีสัญลักษณ์หลายตัวที่ออกเสียงเหมือนกัน ระบบการเขียนมีความแตกต่างกันขึ้นกับผู้เขียนแต่ละคน ภายหลังในปี พ.ศ. 2489 รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเข้ามาจัดรูปแบบ กลายเป็นอักษรที่ใช้ในปัจจุบัน
ลักษณะและการใช้ของฮิรางานะฮิรางานะมีสัญลักษณ์อยู่ 46 ตัว และมักใช้ในการลงท้ายคำในภาษาญี่ปุ่น ใช้สำหรับคำที่ไม่มีในตัวอักษรคันจิ หรือใช้ในส่วนท้ายของคำกริยาหรือใช้เป็นคำช่วย ใช้โดยทั่วไปในสื่อต่างๆสำหรับเด็ก ตำราเรียน และหนังสือการ์ตูน นอกจากนี้ยังใช้เป็นคำอ่านสำหรับตัวอักษรคันจิ เพื่อช่วยให้อ่านได้ง่ายขึ้น เรียกว่า ตัวอักษรฟุริงานะ เช่น ในหนังสือพิมพ์มีกฎที่ต้องใส่ฟุริงานะคู่กับคันจิ ที่นอกเหนือไปจากคันจิที่ทางราชการรับรองว่าเป็นคันจิที่ใช้บ่อย 1,945 ตัว หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ จะไม่ใช้คันจิ นอกเหนือไปจากคันจิกลุ่มนี้
ซึ่งในปัจจุบันมีตัวอักษรฮิรางานะ 2 แบบ คือ อิโรฮะ ( ฮิระงะนะแบบเก่า ) และ โกจูโอง ( ฮิรางานะแบบใหม่ )
ตารางตัวอักษรฮิรางานะมีทั้งหมด 46 ตัว วิธีอ่าน ใช้จำทีละวรรค ซ้ายไปขวา อะ>อิ>อุ>เอะ>โอะ แล้วไล่ลงมาเป็น คะ>คิ>คุ>เคะ>โคะ เป็นต้น แบ่งง่ายๆเป็นวรรคดังนี้ วรรค อะ , คะ , ซะ , ทะ , นะ , ฮะ , มะ , ยะ , ระ , วะ , อึน
เพิ่มมาอีก 25 ตัว โดยเติม เตงเตง และ ゜ มารุ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนเสียง ใช้จำทีละวรรค ซ้ายไปขวา กะ>กิ>กุ>เกะ>โกะ แล้วไล่ลงมาเป็น ซะ>จิ>ซุ>เซะ>โซะ เป็นต้น แบ่งง่ายๆเป็นวรรคดังนี้ วรรค กะ , ซะ , ดะ , บะ , ปะ
และผสมอีก 33 ตัว ในวรรค ยะ ใช้จำทีละวรรค ซ้ายไปขวา คยะ>คิว>เคียว แล้วไล่ลงมาเป็น ชยะ>ชู>โช เป็นต้น แบ่งง่ายๆเป็นวรรคดังนี้ วรรค คยะ , ชยะ , ชะ , นะ , ฮะ , มะ , ระ , กะ , จะ , บะ , ปะ
* ข้อควรจำ วรรค G ถ้า G อยู่หน้าคำ เช่น Gakusee ( กัคคุเซย ) ออกเสียงแทน ก. , ถ้า G อยู่หลังคำ เช่น Engono ( เอนโงะนะ ) ออกเสียงแทน ง.* นี่คือหลังสำคัญของการเริ่มต้นเรียนภาษาญี่ปุ่น ไม่ต้องใส่ใจอะไรมาก ค่อยๆจำทีละวรรค รู้ศัพท์จากวรรคทีละตัวในหลังจากนี้( เครดิต / ห่าน , วิกิพิเดีย , บล็อค sarangtvfxq )